อนุญาตให้หยุดละหมาดวันศุกร์และละหมาดญะมาอะห์ที่มัสยิด เพื่อป้องกันผู้คนจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

สภาอุลามาอ์อวุโสของอัซฮัร อนุญาตให้หยุดละหมาดวันศุกร์และหยุดละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด เพื่อป้องกันผู้คนจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

الحمد لله وحده، والصلاة والسلام على مَن لا نبيَّ بعدَه… وبعدُ:

จากการรายงานสถานะการณ์ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า และได้ยกระดับเป็นโรคระบาดระดับโลก และข้อมูลทางการเเพทย์ได้ระบุว่า ความอันตรายของไวรัสโคโรน่านั้นคือ สามารถแพร่กระจาย และติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งคนที่ติดเชื้อไวรัส บางครั้งอาการป่วยของการติดเชื้อก็ไม่ได้เเสดงออกมาในทันที และเขาไม่รู้ว่า ตัวเขาเองก็เป็นผู้ที่ติดเชื้อไวรัส ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการติดต่อและเเพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปตามสถานที่ต่างๆที่เขาเดินทางไป

และเมื่อเป้าหมายใหญ่ที่สุดของบทบัญญัติศาสนาอิสลามคือ การรักษา การปกป้อง และการป้องกันชีวิตจากทุกๆอันตราย และสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายกับชีวิต

ดังนั้นสภาอุลามาอ์อวุโสของอัซฮัร ที่มีหน้าที่รับผิดชอบปัญหาทางศาสนาของทุกภาคส่วน จึงขอประกาศว่า :

” อนุญาตตามหลักการศาสนา ที่จะหยุดการละหมาดวันศุกร์ และหยุดละหมาดญมาอะห์ในประเทศอียิป เพราะสาเหตุกลัวการเเพร่ระบาด และการติดต่อของเชื้อไวรัสระหว่างผู้คน ”

และจำเป็นกับคนป่วย และคนชรา ให้ละหมาดที่บ้านของตัวเอง และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัสที่เจ้าหน้าที่แต่ละประเทศได้ประกาศไว้

และไม่ให้ออกมาละหมาดวันศุกร์ และละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด หลังจากที่มีการยืนยันทางการเเพทย์ และมีสถิติยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า โรคนี้ได้เเพร่กระจาย และทำให้ผู้คนมากมายในโลกต้องเสียชีวิต

และพอเพียงแล้วในการประเมินความอันตรายของโรคระบาดครั้งนี้ คือความค่อนข้างเเน่ใจ และมีหลักฐานชัดเจน เช่นอัตราการติดเชื้อของผู้คนที่จะพุ่งสูงขึ้น และความเป็นไปได้ที่จะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีการวิวัฒนาการของไวรัสตัวนี้

ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในทุกๆประเทศ ให้พยายามทุกวิถีทางเท่าที่เป็นไปได้ และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัส เพื่อไม่ให้เกิดการเเพร่กระจายของไวรัสนี้

และบรรดานักวิชาการที่ทำการวินิจฉัย ได้ลงมติว่า

أنَّ المتوقَّعَ القريبَ كالواقع

แท้จริงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ ฮูก่มก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเเล้ว

وأن ما يقاربُ الشيءَ يأخذُ حكمَه

แท้จริงสิ่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับอีกสิ่งหนึ่ง ก็ถือฮูก่มเดียวกัน

وأنَّ صحة الأبدان من أعظم المقاصد والأهداف في الشريعة الإسلامية.

แท้จริงการรักษาสุขภาพร่างกาย เป็นเป้าหมายใหญ่ที่สุดของบทบัญญัติอิสลาม

#หลักฐาน ที่ชี้ถึงบทบัญญัติการหยุดละหมาดวันศุกร์ และการหยุดละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของโรคระบาด

ما روي في الصحيحين: «أن عَبْدَ اللهِ بْنَ عَبَّاسٍ قال لِمُؤَذِّنِهِ فِي يَوْمٍ مَطِيرٍ: إِذَا قُلْتَ: أَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّدًا رَسُولُ اللهِ، فَلاَ تَقُلْ حَيّ عَلَى الصَّلاَةِ، قُلْ: صَلُّوا فِي بُيُوتِكُمْ، فَكَأَنَّ النَّاسَ اسْتَنْكَرُوا، قَالَ: فَعَلَهُ مَنْ هُوَ خَيْرٌ مِنِّي، إِنَّ الْجُمُعَةَ عَزْمَةٌ، وَإِنِّي كَرِهْتُ أَنْ أُحْرِجَكُمْ، فَتَمْشُونَ فِي الطِّينِ وَالدَّحَضِ».

ได้มีฮาดิษรายงานในบุคคอรีย์และมุสลิมว่า ” แท้จริงอัลดุลลอฮฺ บิน อับบาส ได้กล่าวกับคนอาซานในวันที่ฝนตกหนักว่า : เมื่อท่านกล่าว “อัชฮ่าดู่อันน่ามูฮัมม่าดัรรอซูลุ้ลลอฮฺ” เสร็จ ท่านอย่ากล่าวว่า حَيّ عَلَى الصَّلاَةِ (พวกท่านจงมาสู่การละหมาด) แต่ให้ท่านกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายจงละหมาดในบ้านของพวกท่านเอง” แล้วผู้คนก็รู้สึกไม่ชอบที่ทำเช่นนี้ ท่านอิบนุอับบาสจึงได้กล่าวว่า : บุคคลที่ดีกว่าฉัน(ท่านนบี)ก็เคยทำสิ่งนี้มาแล้ว และเเท้จริงการละหมาดวันศุกร์ยังเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทว่าฉันไม่ชอบที่จะสร้างความยากลำบากให้กับพวกท่าน ให้พวกท่านเดินย่ำมาบนดินโคลน และพื้นที่ลื่น

ฮาดิษบทนี้ได้ชี้ถึงเรื่องการละทิ้งการละหมาดญมาอะห์ เพื่อเลี่ยงจากความยากลำบากที่เกิดขึ้นด้วยสาเหตุของฝนตก และมันไม่มีข้อสงสัยเลยว่า อันตรายของไวรัสโคโรน่า มันรุนเเรงมากกว่าความยากลำบากในการไปละหมาดในช่วงที่เกิดฝนตก ดังนั้นข้อผ่อนผันในการละทิ้งการละหมาดวันศุกร์ในมัสยิดต่างๆในขณะที่เกิดโรคระบาด เป็นเรื่องที่ศาสนาอนุญาติให้ เป็นเรื่องที่ถูกยอมรับทั้งในทางสติปัญญา และในทางนิติศาสตร์อิสลาม ดังนั้นให้ละหมาดซุฮรี่ 4 รอกาอัต แทนจากละหมากวันศุกร์ในบ้านของตัวเอง หรือในสถานที่ที่ไม่มีการแออัดของผู้คน

และบรรดานักวิชาการกล่าวว่า : สิ่งที่ทำให้เกิดความกลัวต่อชีวิต ทรัพสินย์ ครอบครัว นับเป็นอุปสรรคที่ทำให้อนุญาติละทิ้งการละหมาดวันศุกร์ และการละหมาดญมาอะห์

لما رواه أبو داود عن ابن عباس من قول النبي صلى الله عليه وسلم: «مَنْ سَمِعَ المنادِيَ فَلَمْ يَمْنَعْهُ مِنَ اتِّبَاعِهِ، عُذْرٌ»، قَالُوا: وَمَا الْعُذْرُ؟ قَالَ: «خَوْفٌ أَوْ مَرَضٌ، لَمْ تُقْبَلْ مِنْهُ الصَّلَاةُ الَّتِي صَلَّى».

ท่านนบีซ็อลลัลลอฮู่อลัยฮี่ว่าซัลลัม กล่าวว่า : บุคคลใดที่เขาได้ยินเสียงอาซานของผู้ที่อาซาน และเขาไม่ได้มีอุปสรรค์มาขัดขวางเขาจากการที่จะไปตามเสียงเรียกอาซานนั้น บรรดาซอฮาบะห์จึงถามว่า : อุปสรรค์คืออะไร? ท่านนบีตอบว่า : ความกลัว และความป่วยไข้ จะไม่ถูกตอบรับละหมาดที่เขาได้ละหมาดไป

وما أخرجه الشيخان في صحيحهما من حديث عبد الرحمن بن عوف أنه سمع النبي صلى الله عليه وسلم «إِذَا سَمِعْتُمْ بِهِ بِأَرْض فَلاَ تَقْدَمُوا عَلَيْهِ، وَإِذَا وَقَعَ بِأَرْضٍ وَأَنْتُمْ بِهَا فَلاَ تَخْرُجُوا فِرَارًا مِنْهُ».

ท่านบีซ็อลลัลลอฮู่อลัยฮี่ว่าซัลลัม กล่าวว่า : เมื่อพวกท่านได้ยินว่าแผ่นดินใดมีโรคระบาด พวกท่านอย่าได้เข้าไปในสถานที่นั้น และหากโรคระบาดได้เกิดขึ้นในแผ่นดินที่พวกท่านอยู่ พวกท่านก็อย่าได้หนีออกมา

และท่านนบีซ็อลลัลลอฮู่อลัยฮี่ว่าซัลลัม ได้ห้ามไม่ให้ไปละหมาดที่มัสยิด บุคคลที่เขามีกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มันจะสร้างความเดือนร้อนให้กับคนอื่น

فقد أخرج البخاري عن جابر بن عبد الله رضي الله عنه أن النبي صلى الله عليه وسلم قال: «من أكل ثومًا أو بصلًا، فليعتزلنا – أو قال: فليعتزل مسجدنا – وليقعد في بيته».

ท่านบีซ็อลลัลลอฮู่อลัยฮี่ว่าซัลลัม กล่าวว่า : บุคคลใดที่เขากินกระเทียม และหัวหอม เขาจงปลีกตัวออกจากพวกเรา หรือท่านนบีได้กล่าวว่า เขาจงปลีกตัวออกจากมัสยิดของเรา และจงอยู่ที่บ้านของเขา

ในฮาดิษบทนี้บอกถึงสิ่งที่สร้างความเดือนร้อนที่มีจำกัดเวลา ซึ่งความเดือนร้อนอันนี้มันจะหายไปหลังจากเสร็จสิ้นการละหมาด ดังนั้นพวกเราคิดอย่างไรกับโรคระบาดที่มันเเพร่กระจายอย่างง่ายดายเช่นนี้ และเป็นสาเหตุในการเกิดภัยพิบัติที่เกินจะควบควม

และเราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้ปลอดภัยจากสิ่งนี้

และความกลัวในขณะนี้ มันเกิดขึ้นจากสาเหตุการเเพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และความรุนเเรงของไวรัส และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้บรรดามุสลิม พวกเขามีอุปสรรค์ในการที่จะไม่ไปร่วมละหมาดวันศุกร์และละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด

และสภาอุลามาอ์อวุโสของอัซฮัรขอกล่าวว่า : อนุญาตตามบทบัญญัติศาสนา สำหรับประเทศใดที่พวกเขาเล็งเห็นว่า การรวมตัวกันเพื่อละหมาดวันศุกร์ หรือละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด จะเป็นเหตุทำให้เกิดการเเพร่กระจายของเชื้อไวรัส ก็ให้พวกเขาหยุดการรวมตัวละหมาดกันออกไปก่อน

และให้ปฏิบัติ 3 อย่าง :

1-จำเป็นต้องมีการอาซานในทุกๆเวลาละหมาดที่มัสยิด ในขณะที่มีการหยุดการละหมาดวันศุกร์ และละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด และอนุญาตที่ผู้อาซานจะกล่าวคำว่า صلوا في بيوتكم (พวกท่านจงละหมาดในบ้านของพวกท่าน)

2-ให้ทุกคนในบ้านทำการละหมาดร่วมกันเป็นญมาอะห์ เพราะในขณะนี้ไม่จำเป็นต้องละหมาดญมาอะห์ที่มัสยิด จนกว่าจะมีประกาศว่าสถานะการณ์คลี่คลายแล้ว

3-จำเป็นกับประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามการให้ความรู้ และการเเนะนำจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อที่จะจำกัดการแพร่กระจายของไวรัส และติดตามข่าวสารจากเจ้าหน้าที่ และออกห่างจากการกระจายข่าวลือที่สร้างความหวาดกลัว วิตกกังวล และความสับสนให้กับผู้คน

และสภาอุลามาอ์ขอเรียกร้องให้บรรดามุสลิมทั้งทวีปตะวันออกและทวีปตะวันตก ให้พวกเขารักษาการละหมาด และดุอาต่ออัลลอฮฺอย่างนอบน้อม และให้ช่วยเหลือบรรดาคนที่ป่วย และให้ทำอาม้าลความดีให้มาก เพื่อให้อัลลอฮฺทรงยกภัยพิบัติอันนี้ออกไปจากโลก

และขออัลลอฮฺได้ทรงรักษาประเทศของพวกเรา และผู้คนทั้งหมดจากโรคระบาดนี้ และความป่วยไข้ทั่งหลายด้วยเถิด และพระองค์เป็นผู้ถูกวอนขอที่ดีที่สุด

อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรักษาที่ดียิ่ง และเป็นผู้เมตตาที่สุด

สภาอุลามาอ์อวุโสอัซฮัร
วันอาทิตย์ 15/3/2020

ลิ้งประกาศฟัตวาจากสภาอุลามาอ์อวุโสของอัซฮัร https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2521803288079204&id=1546795432246666

ฟัตวาจากสภาอุลามาอ์อิสลามนานาชาติ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3136749636358079&id=185412838158455

ฟัตวาจากดารุ้ลอิฟตาอ์ประเทศจอแดน
https://www.facebook.com/374878312527163/posts/3423350094346621/

ฟัตวาจากสภาอุลามาอ์ประเทศซาอุดิอารเบีย
https://uc.xyz/1Qtvpn?pub=link
__________________________________
#อิสลามตามอุลามาอฺแบบฉบับนบี