mashable รายงานความคืบหน้า กรณีที่ทางการฝรั่งเศสมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการสวมชุดเบอร์กินี หรือชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัว ที่ชาวมุสลิมนิยมสวมใส่ขณะทำกิจกรรมทางน้ำ โดยชนวนเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังชายหาดแห่งพร้อม และสั่งให้หญิงที่กำลังสวมชุดเบอร์กินี่ถอดชุดดังกล่าวออก โดยเสียงวิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในออสเตรเลียเช่นกัน
การกระทำดังกล่าว ถูกวิจารณ์อย่างหนาหูว่าเป็นการกดขี่สตรีอย่างร้ายแรง เนื่องจากข้อห้ามสวมใส่ชุดดังกล่าว ออกมาโดยที่ไม่ถามถึงความสมัครใจจากผู้ที่สวมใส่ ทั้งนี้ Zeynab Alshelh วัย 23 ปี ซึ่งย้ายที่อยู่มาอยู่ในออสเตรเลียกล่าวว่าเธอสวมใส่ชุดเบอร์กินี ซึ่งเธอกล่าวว่า การบังคับใช้ข้อห้ามดังกล่าวเป็นการกดขี่ แทนที่จะพูดคุยถกเถียงเรื่องดังกล่าวอย่างเท่าเทียม เธอคิดว่าการสวมชุดดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร
ทั้งนี้ทั้งนั้นชุดดังกล่าว ยังถือเป็นความเชื่อมั่น และสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม และเป็นการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของมุสลิมด้วยกันเอง แต่กระนั้น ไม่เพียงชาวมุสลิมเท่านั้น ที่สวมชุดเบอร์กินี่ยังเป็นชุดที่ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังใช้เพื่อป้องกันแสงแดด หรือเพื่อป้องกันโรคดังกล่าวอีกด้วย
ทั้งนี้การที่ฝรั่งเศสและออสเตรเลียถูกกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่แต่งกายตามอย่างชาวมุสลิม ซึ่งอาจจะหมายรวมไปถึงความไม่เท่าเทียมทางเชื้อชาติและศาสนา และหลังจากมีการแบนชุดเบอร์กินี่ ทำให้ยอดจำหน่ายชุดดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในฝรั่งเศส ประสบปัญหาการก่อการร้าย และความไม่สงบครั้งรุนแรง ที่มีความเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม แต่กระนั้น ผู้คนได้ออกมายืนยันว่า การก่อการร้ายไม่มีความเกี่ยวโยงกับศาสนา ผู้ก่อการร้ายมักใช้ศาสนาเข้ามาบังหน้า เพราะแท้จริงแล้วศาสนาอิสลาม มุ่นมั่นดำรงอยู่ด้วยความสันติ
ที่มา Woman in a burkini: What it’s like to be forced to leave a French beach
แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ " ฝรั่งเศสยังเถียงกันไม่เลิก เหมาะสมแล้วหรือ ? สั่งแบนชุดเบอร์กินี "