สหรัฐฯ-รัสเซียเห็นชอบ “หยุดยิง” ในซีเรีย เตรียมผนึกกำลังโจมตีทางอากาศถล่ม IS

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ยืนยันว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่มมีผลบังคับในวันจันทร์ (12 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของเทศกาลตรุษ “อีดิลอัฎฮา” ของชาวมุสลิม

เป็นที่ทราบกันดีว่ามหาอำนาจทั้งสองถือหางคู่ขัดแย้งคนละฝ่าย โดยมอสโกนั้นประกาศอุ้มประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ขณะที่สหรัฐฯ ก็ให้การสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรกบฏสายกลางที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย

อย่างไรก็ตาม หากรัสเซียสามารถใช้อิทธิพลต่อรองให้ อัสซาด ยุติการใช้อาวุธได้สัก 1 สัปดาห์ มอสโกและวอชิงตันก็จะร่วมมือกันโจมตีทางอากาศทำลายเป้าหมายที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย

ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังการเจรจามาราธอนระหว่าง เคร์รี และ ลาฟรอฟ ที่นครเจนีวา เพื่อยุติเหตุนองเลือดในสงครามกลางเมืองซีเรียที่คร่าชีวิตประชากรไปแล้วราว 290,000 คน และทำให้พลเมืองอีกครึ่งประเทศต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น

“วันนี้สหรัฐฯ และรัสเซียขอประกาศแผนซึ่งเราหวังว่าจะช่วยลดความรุนแรง บรรเทาความทุกข์ทรมาน รวมถึงฟื้นฟูการเจรจาสันติภาพและการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในซีเรีย” เคร์รี กล่าว

คำถามสำคัญที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเรื่องอนาคตของประธานาธิบดีอัสซาด ซึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน เนื่องจากฝ่ายตะวันตกนั้นต้องการให้ อัสซาด พ้นจากตำแหน่งโดยเร็ว ขณะที่รัสเซียยังหนุนหลังผู้นำซีเรียให้ครองอำนาจต่อ

อย่างไรก็ตาม ทั้ง เคร์รี และ ลาฟรอฟ ชี้ว่าข้อตกลงหยุดยิงเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะยุติการสู้รบระหว่างกองทัพอัสซาดกับกองกำลังกบฏกระแสหลัก และยังคงเปิดทางให้สหรัฐฯ และรัสเซียสามารถล็อกเป้าโจมตีนักรบญิฮาด อัล-นุสรา ฟรอนท์ และรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้

ลาฟรอฟ ระบุว่า รัสเซียได้ยื่นข้อเสนอมานานแล้วที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ปราบปราม อัล-นุสรา ฟรอนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย รวมถึงพวกไอเอส

“เราเห็นชอบเรื่องกลุ่มก่อการร้ายที่กองทัพอากาศรัสเซียและสหรัฐฯ จะช่วยกันโจมตี และยังตกลงกันแล้วด้วยว่า พื้นที่ไหนบ้างที่จะกระทำภารกิจนี้” ลาฟรอฟ กล่าว

“จะมีเพียงกองทัพอากาศรัสเซียและสหรัฐฯ เท่านั้นที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ดังกล่าวได้”

ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แถลงเตือนหลังข้อตกลงถูกประกาศออกมาแล้วว่า โอกาสในการร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียนั้นยังขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์เป็นไปตามเงื่อนไขของข้อตกลง “อย่างสมบูรณ์” หรือไม่

คำสั่งหยุดยิงนี้คาดว่าจะทำให้กองทัพซีเรียและพันธมิตรต้องถอยร่นออกจากฐานที่มั่นบนเส้นทางลำเลียงหลักรอบๆ เมืองอะเลปโป (Aleppo) และเปิดทางให้หน่วยบรรเทาทุกข์ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังชุมชนที่ถูกปิดล้อม

สตัฟฟาน เดอ มิสตูรา ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยปัญหาซีเรีย ได้ร่วมหารือกับ เคร์รี และ ลาฟรอฟ พร้อมแสดงความชื่นชมต่อข้อตกลงหยุดยิงซึ่งตนจะนำไปรายงานให้เลขาธิการสหประชาชาติ บัน คี มุน รับทราบ และจะขอให้นานาชาติร่วมกันสนับสนุนให้ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ด้วย

วอชิงตันนั้นต้องการให้มอสโกช่วยบีบบังคับให้ อัสซาด หยุดทิ้งระเบิดเข่นฆ่าพลเรือนซีเรีย เคารพข้อตกลงหยุดยิง และยุติการปิดล้อมเมืองอะเลปโป

อย่างไรก็ดี ลาฟรอฟ เตือนว่า รัสเซีย “ยืนยันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์” ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะยอมปฏิบัติตามคำสั่งหยุดยิงหรือไม่

ที่มา:ผู้จัดการออนไลน์